KPI ที่ใช้วัดผลงานทีมขายและทีม Telesales
- corporatesales87
- Oct 24
- 2 min read

ในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน การบริหารทีมขายและทีม Telesales ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมี “KPI ที่ชัดเจนและวัดผลได้จริง”
KPI (Key Performance Indicator) คือ ตัวชี้วัดผลงานที่ช่วยให้เรารู้ว่า
ทีมขายของเรากำลัง “เดินถูกทาง” หรือยังต้อง “ปรับกลยุทธ์”
บทความนี้จะพาคุณมารู้จัก KPI สำคัญที่ใช้วัดผลงานทีมขายและทีม Telesales พร้อมแนวทางนำไปใช้จริงในองค์กร
🔹 KPI ทีมขายคืออะไร?
KPI ทีมขาย (Sales KPI) คือ ตัวชี้วัดผลงานของฝ่ายขายที่แสดงถึงความสำเร็จในการ “หาลูกค้า – ปิดการขาย – สร้างรายได้”
เป้าหมายของ KPI ทีมขายไม่ใช่แค่ยอดขายรวม แต่รวมถึง คุณภาพของโอกาสขาย (Lead) และ ประสิทธิภาพของกระบวนการขาย (Sales Process) ด้วย
🔸 ตัวอย่าง KPI ที่ใช้วัดผลงาน “ทีมขาย”
💰 1. ยอดขายรวม (Total Sales Revenue)
ตัวชี้วัดหลักสุดของทีมขาย วัดรายได้จากการปิดการขายทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด
✅ เป้าหมาย: ยอดขายต่อเดือน / ไตรมาส / ปี
🧭 2. Conversion Rate (อัตราการปิดการขาย)
วัดสัดส่วนของ “จำนวนลูกค้าที่ติดต่อ” เทียบกับ “จำนวนดีลที่ปิดได้จริง”
✅ สูตร: (จำนวนดีลที่ปิดได้ ÷ จำนวนโอกาสทั้งหมด) × 100
📞 3. จำนวนลูกค้าใหม่ (New Customers)
วัดจำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาในแต่ละเดือน เพื่อดูการเติบโตของฐานลูกค้า
🔁 4. ยอดขายซ้ำ (Repeat Sales / Retention)
วัดความสามารถในการรักษาลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อซ้ำ
⏳ 5. ระยะเวลาในการปิดการขาย (Sales Cycle Length)
ดูว่าทีมขายใช้เวลานานเท่าไรในการปิดดีลหนึ่ง ๆยิ่งสั้น แปลว่าทีมขายมีประสิทธิภาพสูง
🔸 ตัวอย่าง KPI ที่ใช้วัดผลงาน “ทีม Telesales”
ทีม Telesales คือด่านหน้าของการสร้างโอกาสขาย (Lead Generation)KPI ของทีมนี้จึงต้องเน้น ปริมาณและคุณภาพของการติดต่อ
☎️ 1. จำนวนสายโทรต่อวัน (Call Volume)
วัดจำนวนครั้งที่โทรหาลูกค้าในแต่ละวัน เพื่อดู Productivity ของทีม
✅ ตัวอย่างเป้าหมาย: 60–100 สายต่อวัน/คน
💬 2. อัตราการรับสาย (Call Connection Rate)
วัดจำนวนสายที่ลูกค้ารับเทียบกับจำนวนที่โทรทั้งหมด
ยิ่งสูง แปลว่าทีมเลือกกลุ่มเป้าหมายและเวลาการโทรได้ดี
🗓️ 3. จำนวนการนัดหมาย (Appointments Set)
วัดจำนวนครั้งที่ทีม Telesales สามารถนัดลูกค้าให้ทีมขายได้
ตัวชี้วัดสำคัญของ Lead คุณภาพ
💡 4. Conversion Rate จากโทร → ดีล
ดูว่าสายที่โทรไปกี่เปอร์เซ็นต์นำไปสู่ยอดขายจริง
ใช้ร่วมกับ CRM เพื่อวัดผลต่อเนื่อง
📈 5. รายได้เฉลี่ยต่อสาย (Revenue per Call)
วัดประสิทธิภาพโดยดูว่าการโทรแต่ละครั้งสร้างรายได้เฉลี่ยเท่าไร
⚙️ ตัวชี้วัดเสริม (Bonus KPI) ที่ควรมี
สำหรับทีมขายยุคใหม่ อาจเพิ่มตัวชี้วัดเหล่านี้เพื่อดู “คุณภาพการขาย” มากขึ้น
Customer Satisfaction Score (CSAT) → ความพึงพอใจของลูกค้า
Lead Response Time → เวลาที่ทีมตอบกลับลูกค้าใหม่
Upsell / Cross-sell Rate → อัตราการขายเพิ่มเติมให้ลูกค้าเดิม
🧮 วิธีตั้ง KPI ทีมขายให้ได้ผลจริง
เริ่มจากเป้าหมายธุรกิจใหญ่ (KGI) เช่น รายได้รวมปีละ 10 ล้านบาท
แตก KPI ลงมาที่แต่ละทีม → ทีมขาย, ทีมโทร, ทีมติดตามลูกค้า
กำหนดเป้าหมายรายเดือนที่วัดได้ชัดเจน
ใช้ระบบติดตามผล (CRM หรือ Dashboard) เพื่อดูความคืบหน้าแบบเรียลไทม์
💡 ตัวอย่างการตั้ง KPI รายเดือน:
KPI | เป้าหมาย | วัดผลโดย |
ยอดขายรวม | 1,000,000 บาท | ระบบ CRM |
โทรหาลูกค้าใหม่ | 1,200 สาย/เดือน | Call Log |
นัดลูกค้าใหม่ | 60 นัด | Google Sheet |
Conversion Rate | ≥15% | รายงานรายสัปดาห์ |
🔁 สรุป: KPI คือเครื่องมือพัฒนาทีม ไม่ใช่เครื่องมือจับผิด
การตั้ง KPI ที่ดีไม่ควรใช้เพื่อ “กดดันทีมขาย”แต่ควรใช้เป็น “เครื่องมือวิเคราะห์และพัฒนา” เพื่อให้ทีมรู้ว่าอะไรได้ผล และอะไรต้องปรับปรุง
เพราะสุดท้ายแล้ว “KPI ที่ดี” ไม่ได้วัดแค่ยอดขาย แต่ต้องวัด ประสิทธิภาพ + ความพึงพอใจของลูกค้า + การเติบโตของทีม ไปพร้อมกัน
📘 อย่าลืม! แจกฟรี E-Book “เทคนิคการขายยุคใหม่ 2025”
✅ เคล็ดลับที่นักขายยุคใหม่ต้องรู้
✅ เข้าใจลูกค้าไว ปิดดีลได้จริง
✅ ใช้ได้ทั้งมือใหม่และมือโปร
👉 กรอกข้อมูล ที่นี่
และกด Add LINE
📥 รับ E-Book ฟรีทันที!



